top of page

เทคนิคงานประวัติศาสตร์ศิลป์ไทย

ศิลปะเหมือนจริง

ศิลปะเหมือนจริงในบริบทของสภาวะสมัยใหม่ในงานทัศนศิลป์ไทย หมายถึง ผลงานทัศนศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยแนวคิดความงามแบบอุดมคติตามหลักวิชาตะวันตก (Academic) โดยเป็นความจริงเชิงภาพสัญญะ (Icon) ที่นำไปสู่การสื่อความหมายตรงได้ชัดเจนว่าภาพลักษณ์ที่ปรากฏเป็นภาพของอะไร ผลงานแบบเหมือนจริงดังกล่าวนี้มีทั้งประเภทจิตรกรรมและประติมากรรม อันถือเป็นพัฒนาการทางศิลปะที่เกิดขึ้นในยุคสมัยที่ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เข้ามามีบทบาทในการสร้างสรรค์งานศิลปะและรวมไปถึงการก่อร่างสร้างตัวของมหาวิทยาลัยศิลปะการในระยะแรกเริ่ม

ลักษณะที่โดดเด่นของผลงานแบบเหมือนจริงคือผลงานศิลปะจะแสดงลักษณะทางกายภาพที่เป็นจริงเชิงอุดมคติ ใช้การจัดวางองค์ประกอบที่ถูกต้องตามหลักทฤษฎีเพื่อให้เกิดเอกภาพขึ้นในผลงาน ศิลปินผู้สร้างสรรค์วางระบบการทำงานเป็นขั้นตอนเพื่อให้ผลงานที่สำเร็จเป็นไปตามเป้าหมายของความสมบูรณ์แบบคล้านศิลปะแบบคลาสิกของตะวันตก (Classic Art)


ศิลปะแบบคณะราษฎร

            ศิลปะแบบคณะราษฎร ในบริบทของสภาวะสมัยใหม่ในงานทัศนศิลป์ไทย หมายถึง ผลงานทัศนศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยแนวคิดแบบอุดมคติตามหลักวิชาตะวันตก และนำไปใช้ประโยชน์ทั้งในด้านของประสบการณ์เชิงสุนทรียะและด้านการเมืองในห้วงทศวรรษ พ.ศ.2480-2500 

            ผลงานศิลปะส่วนใหญ่ในประเภทนี้จะเป็นงานจิตรกรรมและประติมากรรม ซึ่งมีรูปลักษณ์ที่คล้ายกับศิลปะแบบเหมือนจริงมาก เพียงแต่เป้าหมายของการสื่อความหมายของผลงานจะอยู่ในกรอบของการนำเสนอตามนโยบายของรัฐบาลในขณะนั้นที่ยังอยู่ในช่วงของหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณายาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย อันนับเป็นช่วงของการก่อร่างสร้างแนวคิดเพื่อส่งเสริมให้สังคมเริ่มเข้าใจในเป้าหมายถึงการปกครองแบบใหม่ตามนโยบายรัฐนิยมในยุคสมัยนั้น

            ศิลปะแบบคณะราษฎรสร้างขึ้นเพื่อเป้าหมายทางการเมืองและการปลุกเร้าให้ประชาชนรักชาติและภาคภูมิใจในความเป็นชาติไทยสมัยใหม่ โดยเนื้อหาของผลงานศิลปะจะอยู่ในขอบเขตของสำนึกชาตินิยม การปลูกฝังค่านิยมแบบรัฐทหาร และคุณค่าของปัจเจกชนที่เป็นส่วนประกอบของความเป็นรัฐชาติแบบสมัยใหม่

 

จิตรกรรมฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

จิตรกรรมฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในบริบทของงานทัศนศิลป์ไทย หมายถึง ผลงานจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งถือว่าทรงเป็น “อัครศิลปิน” ทรงเป็นนักสร้างสรรค์ศิลปะหลากหลายสาขาที่มีรูปแบบงานสร้างสรรค์เฉพาะตัวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นงานดนตรี วรรณกรรม และงานทัศนศิลป์ โดยเฉพาะพระอัจฉริยภาพด้านงานจิตรกรรมของพระองค์ท่าน ซึ่งมีแนวทางการแสดงออกแบบสมัยใหม่แบบตะวันตก ทั้งนี้อาจเป็นข้อสัณนิษฐานได้ว่าพระองค์ท่านทรงประสูติและทรงได้รับศึกษาจากสถาบันการศึกษาจากประเทศแถบตะวันตก จึงอาจซึมซับลักษณะของผลงานศิลปะแบบสมัยใหม่ตะวันตกที่เจริญรุ่งเรืองมากในยุคสมัยนั้น

จิตรกรรมฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีลักษณะที่โดดเด่นด้วยรูปแบบที่พัฒนาจากการวิเคราะห์ด้วยประสบการณ์ทางการเห็น การแสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึก และการสังเคราะห์ด้วยกระบวนคิด โดยผลงานที่ปรากฏแสดงชัดเจนถึงการคลี่คลายในเชิงรูปร่างและรูปทรงจากเหมือนจริงไปสู่ลักษณะของนามธรรมที่แสดงออกถึงสภาวะทางใจ

ผลงานจิตรกรรมของพระองค์ท่านมีรูปแบบไปในทางเดียวกันกับแนวจิตรกรรมแบบสมัยใหม่ในตะวันตกหลากหลายแนวทาง เช่น Realism, Post Impressionism, Expressionism, Cubism, Futurism และ Abstract Art

 

ศิลปะแบบอิมเพรสชั่นนิสม์

ศิลปะแบบอิมเพรสชั่นนิสม์ในบริบทของสภาวะสมัยใหม่ในงานทัศนศิลป์ไทย หมายถึง ผลงานทัศนศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยกระบวนการแบบศิลปิน Impressionist โดยศิลปินไทยเองได้เรียนรู้กระบวนการและกลวิธีสร้างงานจิตรกรรมตามแบบศิลปินอิมเพรสชั่นนิสต์ตะวันตกที่ศึกษาในเรื่องของทฤษฎีสี องค์ประกอบของภาพ และเนื้อหาการสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวเชิงสามัญวิสัย

ศิลปะแบบอิมเพรสชั่นนิสม์ในวงการทัศนศิลป์ไทยแม้ไม่ต่างจากการสร้างสรรค์แบบตะวันตกมากนัก กล่าวคือ การมุ่งประเด็นการศึกษาในเรื่องของสีและแสงเป็นสำคัญ แต่ด้วยลักษณะของภูมิอากาศและภูมิประเทศไทยเองที่อยู่ในแถบเขตร้อนชื้น ทำให้การปรากฏของแสงและสีมีความแตกต่างจากประเทศในแถบยุโรปเป็นอย่างมาก ผลงานที่เกิดขึ้นจึงมีรูปแบบเฉพาะตัวที่น่าสนใจ เช่น ลักษณะการตัดกันของแสงและสีที่ชัดเจนรุนแรง หรือลักษณะของสีของต้นไม้ที่เป็นสีเขียวจัดและเมื่อมีแสงแดดส่องจะเกิดประกายสีเรืองแสงที่มากกว่าประเทศในทวีปยุโรปที่มักมีหมอกผสมอยู่ในฉับพลันของสีและแสง เป็นต้น

 


ศิลปะแบบคิวบิสม์

ศิลปะแบบคิวบิสม์ในบริบทของสภาวะสมัยใหม่ในงานทัศนศิลป์ไทย หมายถึง ผลงานทัศนศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยการวิเคราะห์รูปร่างรูปทรงของศิลปินตามแบบศิลปะ Cubism แล้วสังเคราะห์ออกมาเป็นผลงานที่ปรากฏเป็นเหลี่ยมมุมเพื่อแสดงการวิเคราะห์รูปร่าง รูปทรง พื้นที่ว่าง และเวลา

ทั้งนี้แม้รูปลักษณ์โดยรวมของผลงานศิลปะในแนวทางดังกล่าวจะมีการวิเคราะห์รูปร่างและรูปทรงที่ตายตัวและมุ่งไปสู่การคลี่คลายรูปลักษณ์เป็นแบบเส้นและเหลี่ยมมุมก็ตาม แต่ศิลปินไทยได้นำเอามาพัฒนาจรชนเกิดเป็นรูปแบบเฉพาะตัวที่แตกต่างจากศิลปะสมัยใหม่ตะวันตก โดยลักษณะเด่นคือการนำลักษณะของความเป็นไทยเข้ามาใช้ในผลงานบ้าง ซึ่งถือเป็นการนำเอาเนื้อหาใกล้ตัวของศิลปินมาจัดการภายใต้กฏเกณฑ์ของการคลี่คลายรูปลักษณ์

แม้ความมุ่งหมายขั้นสูงสุดของศิลปะคิวบิสม์ในตะวันตกคือการวิเคราะห์ไปในด้านของพื้นที่ว่างและเวลาของวัตถุอันนำไปสู่การจัดการกับวัตถุที่เป็นต้นแบบของศิลปิน หากแต่สำหรับบริบทของทัศนศิลป์ไทย ศิลปินกลับมุ่งไปที่การคลี่คลายในเชิงรูปแบบและองค์ประกอบของภาพมากกว่าเพื่อนำไปสู่ความลงตัวของภาพที่ปรากฏและประสบการณ์เชิงสุนทรียะแบบใหม่ที่แตกต่างจากศิลปะแบบประเพณี

 

 


ศิลปะแบบสำแดงอารมณ์

ศิลปะแบบสำแดงอารมณ์ในบริบทของสภาวะสมัยใหม่ในงานทัศนศิลป์ไทย หมายถึง ผลงานทัศนศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาของศิลปินไทยผ่านผลงานศิลปะที่เน้นไปที่การแสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึกคล้ายการทำงานศิลปะของศิลปินกลุ่ม Expressionism

ลักษณะทางกายภาพของผลงานศิลปะแบบสำแดงอารมณ์ คือ ร่องรอยของการกระทำของศิลปินที่ทิ้งไว้บนผลงานโดยปรากฏในเชิงกายภาพที่เด่นชัดอันเกิดจากการท่าทีที่ผสานกันระหว่างร่างกายกับสภาวะความรู้สึกของศิลปิน โดยเฉพาะลักษณะของฝีแปรงในงานจิตรกรรมประเภทนี้จะมีการปรากฏตัวของร่องรอยที่หยาบกระด้างและไม่เกลี่ยเรียบจนเกิดเป็นพื้นผิวที่เด่นชัด ภาพผลงานจิตรกรรมจะเป็นไปในเชิงที่ไม่เหมือนจริงแบบอุดมคติและเน้นไปที่คุณลักษระของเส้น สี ร่องรอย ฝีแปรง และพื้นผิวที่ปรากฏชัด

ศิลปะแบบสำแดงอารมณ์อาจคลี่คลายรูปร่างรูปทรงไปสู่ภาพลักษรที่ง่ายต่อการสื่อความหมาย และเน้นไปที่คุณลักษณะของฝีแปรงหรือพื้นผิว เพื่อให้ผุ้ดูได้เห็นถึงสภาวะอังหลงเหลือจากการแสดงออกเชิงความรู้สึกของศิลปินที่ทิ้งไว้บนผืนผ้าใบในจิตรกรรมหรือร่องรอยพื้นผิวในงานประติมากรรม

 


ศิลปะนามธรรม

ศิลปะนามธรรมในบริบทของสภาวะสมัยใหม่ในงานทัศนศิลป์ไทย หมายถึง ผลงานทัศนศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยการคลี่คลายรูปร่างและรูปทรงไปสู่รูปลักษณ์อันบริสุทธิ์ แสดงถึงความงามของทัศนธาตุ (Visual Element) คล้ายกับรูปแบบศิลปะแบบ Abstract, Abstract Expressionism (Action Painting และ Color field Painting) และ Minimalism

แม้งานศิลปะแบบ Abstract, Abstract Expressionism (Action Painting และ Color field Painting) และ Minimalism ในประเทศตะวันตกจะมีความเคลื่อนไหวที่โดดเด่นและมีเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลงสู่การเปิดประตูของแนวทางการสร้างสรรค์ใหม่ๆ และยังได้รับความนิยมไปทั่วโลกจนกลายเป็นกระแสสากลก็ตาม แต่ในบริบทของทัศนศิลป์ไทยที่เรียกว่างานประเภทนามธรรมนั้น กลับถูกนำมาใช้อย่างประยุกต์ได้อย่างโดดเด่นจนกลายเป็นกระแสความเคลื่อนไหวทางศิลปะที่เข้มแข็งในช่วงทศวรรษ พ.ศ.2510-2530 โดยศิลปินไทยมักหยิบยกเนื้อหาเฉพาะตัวและบริบทของความเป็นไทยมาใช้ในการสื่อถึงเนื้อเรื่องบางอย่าง เช่น สังคม การเมือง ความเชื่อ ศาสนา และปรัชญาตะวันออก ทั้งนี้ผลงานนามธรรมในงานทัศนศิลป์ไทยแพร่กระจายออกในวงกว้างและครอบคลุมรูปแบบของการสร้างสรรค์หลากหลายเทคนิค อาทิ จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ ศิลปะไทยสมัยใหม่ และศิลปะสื่อผสม

 


ศิลปะเพื่อชีวิต

ศิลปะเพื่อชีวิตในบริบทของสภาวะสมัยใหม่ในงานทัศนศิลป์ไทย หมายถึง ผลงานทัศนศิลป์ที่สร้างขึ้นโดยมีแนวคิดในเรื่องของศิลปะประท้วง การสะท้อนสังคม วิพากษ์การเมือง ระบบเศรษฐกิจ และโครงสร้างทางชนชั้นในสังคม โดยผลงานศิลปะเพื่อชีวิตในไทยนี้มีแนวคิดที่เชื่อมโยงไปทางมาร์กซิสม์ (Marxism) และสังคมนิยม (Socialism) ที่เป็นกระแสของความคิดทางการเมืองที่เด่นชัดให้ในช่วงทศวรรษที่ พ.ศ.2510-2530 

ผลงานศิลปะเพื่อชีวิตได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมาจากหนังสือเรื่อง “ศิลปะคืออะไร” โดยนักเขียนระดับโลกอย่าง Leo Tolstoy และ หนังสือ “ศิลปะเพื่อชีวิต ศิลปะเพื่อประชาชน” ที่เขียนโดยปัญญาชนหัวก้าวหน้าอย่าง จิตร ภูมิศักดิ์ ซึ่งเป็นหนังสือสองเล่มสำคัญที่มีส่วนผลักดันให้ศิลปินรุ่นใหม่ในช่วงเวลานั้นสนใจแนวทงการแสดงออกเชิงสุนทรียะที่มีท่าทีในการรับผิดชอบต่อสังคมและการเมือง

ศิลปะเพื่อชีวิตมีเติบโตขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงความเคลื่อนไหวทางการเมืองในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516และเป็นที่เฟื่องฟูมากขึ้นในทศวรรษต่อมา แม้เหตุการณ์ล้อมปราบนักศึกษาในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 จะเป็นฉนวนสำคัญที่ให้ปัญญาชนหัวก้าวหน้าเข้าป่าเพื่อต่อสู้ทางการเมืองกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยก็ตาม แต่ศิลปะเพื่อชีวิตยังคงดำเนินต่อไปโดยประยุกต์เนื้อหาของผลงานไปวิจารณ์ไปที่โครงสร้างทางสังคมและการคอรัปชั่นมากกกว่าจะวิพากษ์ทางการเมืองและปัญหาชนชั้นตามแบบลัทธิมาร์กที่นิยมมาในยุคก่อนเกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6ตุลาคม 2519

ผลงานศิลปะเพื่อชีวิตในวงการทัศนศิลป์ไทยมิได้ยึดติดในรูปแบบของการแสดงออก แต่เน้นไปที่การวิพากษ์วิจารณ์สังคมในแง่มุมต่างๆ และสะท้อนเรื่องราวของการปฏิวัติโดยประชาชนโดยมีเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เป้นอุดมคติขิงความสำเร็จ ซึ่งผลงานศิลปะเพื่อชีวิตนี้คล้ายกับผลงานศิลปะสมัยใหม่ตะวันตกอยู่หลายแนวทาง เช่นRealism, Surrealism และ Social Realism

 


ศิลปะเหนือจริง

ศิลปะเหนือจริงในบริบทของสภาวะสมัยใหม่ในงานทัศนศิลป์ไทย หมายถึง ผลงานทัศนศิลป์ที่สร้างขึ้นโดยมีรูปแบบตามจินตนาการของศิลปิน คล้ายกับการคลี่คลายรูปลักษณ์และการแสดงออกของผลงานศิลปะ Surrealism ในตะวันตก ซึ่งศิลปินไทยมักนำเอาบริบทของสังคมและความเป็นไทยมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์

ศิลปะเหนือจริงในทัศนศิลป์ไทยมีความแตกต่างจากศิลปะแบบ Surrealism ของตะวันตกอยู่ไม่น้อย เพราะศิลปะแบบ Surrealism มีเนื้อหาของการต่อต้านสงคราม การนำหลักจิตวิเคราะห์มาใช้ในกระบวนความคิดในการสร้างสรรค์ หรือการใช้จิตอันฉับพลันในการก่อร่างสร้างรูปลักษณ์ของภาพ (Automatic Drawing) ในขณะที่ศิลปะเหนือจริงในทัศนศิลป์ไทยเป็นการจัดการรูปลักษณ์ของงานศิลปะเพื่อแสดงถึงความแปลกประหลาดและการประกอบสร้างของสัญญะที่มากกว่าหนึ่งตัวและนำไปสู่เนื้อหาสาระที่มีความหมายเป็นอื่นมากกว่าความหมายตรงจากสิ่งที่ปรากฏ หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นผลงานที่สร้างขึ้นด้วยการคลี่คลายผสานกับจินตนาการส่วนตัวเพื่อให้เกิดภาพลักษณ์หรือความหมายที่เกินกว่ารูปสัญญะที่ปรากฏ เป็นผลงานที่สื่อความหมายแฝงที่อยู่ภายใต้ภาพของความผิดปรกติ

ลักษณะศิลปะเหนือจริงในทัศนศิลป์ไทยมีรูปแบบและเทคนิคที่หลากหลาย และศิลปินมีอิสรภาพในการสร้างสรรค์และนำเสนอ โดยศิลปินหลายคนมักนำเอาบริบทของความเป็นไทยและเนื้อหาทางศาสนามาผสมผสานกับเนื้อหาของสังคมร่วมสมัยมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์

 

 

 

ศิลปะไทยสมัยใหม่

ศิลปะไทยสมัยใหม่ในบริบทของสภาวะสมัยใหม่ในงานทัศนศิลป์ไทย หมายถึง ผลงานทัศนศิลป์ที่สร้างขึ้นโดยนำรูปแบบหรือเทคนิคหรือเนื้อหาที่เป็นแบบไทยตามประเพณีนิยมหรือลักษณะของสังคมร่วมสมัยมาพัฒนาสู่รูปลักษณ์ศิลปะไทยในรูปแบบที่ต่างจากแบบประเพณีเดิม ศิลปินใช้ทัศนคติส่วนตัวไปใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ โดยลักษณะส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตไทย ปรัชญาตะวันออก สถาบันหลักของชาติ และคติทางศาสนา

ทั้งนี้แม้งานศิลปะแบบไทยจะมีข้อจำกัดในการแสดงออกเชิงสุนทรียะที่ตายตัวและมีแบบแผนอย่างเด่นชัดมาเป้นระยะเวลานานก็ตาม หากแต่ศิลปินในยุคสสมัยปัจจุบันได้นำความรู้ทั้งในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติจากศิลปะตะวันตกมาผสานเข้ากับเนื้อหาของแรงบันดาลใจเพื่อให้เข้าไปอยุ่ในชุดวามคิดที่เป็นแบบร่วมสมัย จากนั้นจึงนำมาสังเคราะห์จนเกิดเป็นผลงานศิลปะที่มีแนวทางโดดเด่นเป็นอย่างมากในปัจจุบัน

ศิลปินในปัจจุบันที่สร้างสรรค์ผลงานในแนวศิลปะไทยสมัยใหม่มีวิถีการสร้างสรรค์และการแสดงออกที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องด้วยศิลปะแบบประเพณีเดิมมีขึ้นภายใต้ร่มเงาของการรับใช้ศาสนาและชนชั้นสูง เพราะฉะนั้นผลงานจึงปรากฏอยู่ในเขตของวัดและวังเท่านั้น หากแต่สภาวะของความเป็นสมัยใหม่ที่กรอบความคิดทางสังคมและการเมืองการปกครองที่เปลี่ยนไป ทำให้ศิลปินไทยที่สร้างสรรค์ผลงานในแนวนี้สร้างสรรค์ผลงานเพื่อสื่อสารกับสาธารณชนในบริบทของความเป็นศิลปะแบบปัจเจกมากขึ้น ผลงานที่ปรากฏจึงมีความหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิมมาก โดยมีการแสดงออกด้วยรูปแบบต่างๆ คล้ายศิลปะตะวันตก เช่น ลักษณะของแสง-เงา หลักทัศนียวิทยา สีในงานจิตรกรรม รูปร่างรูปทรง การใช้สัญลักษณ์ และรวมไปถึงการใช้สื่อและวัสดุที่หลากหลายมาประกอบเข้าเป็นผลงานมากขึ้น

 


ศิลปะเฉลิมพระเกียรติ

ศิลปะเฉลิมพระเกียรติในบริบทของสภาวะสมัยใหม่ในงานทัศนศิลป์ไทย หมายถึง ผลงานทัศนศิลป์ที่สร้างขึ้นโดยมีเนื้อหาในการเฉลิมพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยในด้านของพระบารมีและพระมหากรุณาธิคุณด้านต่างๆ ของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งรูปแบบผลงานมักจะอยู่ในรูปแบบเหมือนจริง ศิลปะไทยสมัยใหม่ และแนวสัญลักษณ์นิยม โดยผลงานจะต้องสื่อถึงเนื้อหาที่ดีเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย

ศิลปะเฉลิมพระเกียรติมีเนื้อหาสำหรับสื่อความหมายที่ชัดเจน กล่าวคือ เป็นเนื้อหาที่ดี มีทัศนคติที่ดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยรูปแบบของผลงานมีความหลากหลายแนวทางเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบการแสดงออกในทางศิลปะตามแต่ความชำนาญของศิลปินแต่ละคน แต่ลักษณะโดยส่วนใหญ่แล้ว ผลงานประเภทนี้มักมีรูปแบบคล้ายศิลปะ Realism, Social Realism และ Symbolism 

 


ศิลปะแนววิพากษ์สะท้อนสังคมร่วมสมัย

ศิลปะแนววิพากษ์สะท้อนสังคมร่วมสมัยในบริบทของสภาวะสมัยใหม่ในงานทัศนศิลป์ไทย หมายถึง ผลงานทัศนศิลป์ที่สร้างขึ้นโดยมีเนื้อหาศิลปะที่สะท้อนและหรือวิพากษ์วิจารณ์สังคมร่วมสมัย โดยเนื้อหาอาจจะนำเสนอในด้านบวกหรือด้านลบของศิลปินที่มีต่อสภาพสังคมร่วมสมัยอย่างไรก็ได้

ลักษณะเด่นของศิลปะแนววิพากษ์สะท้อนสังคมร่วมสมัย คือ ศิลปินมีโอกาสในการแสดงออกได้อย่างหลากหลายและอิสระ ศิลปินนำแรงบันดาลใจที่เกิดจากการสัมผัสแง่มุมต่างๆ ในชีวิตประจำวันหรือข้อมูลแบบทุติยภูมิจากสื่อต่างๆ มาวิเคราะห์และสังเคราะห์ออกมาเป็นผลงานศิลปะที่มีรูปแบบที่หลากหลายไม่กำหนดแนวทาง

ผลงานในแนวทางแบบนี้ถือว่ามีความโดดเด่นเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะศิลปะสามารถที่จะแสดงออกทัศนคติของตนเองออกมาเป็นผลงานศิลปะได้อย่างไม่มีข้อกำหนด ศิลปินสามารถแสดงออกอย่างมีนัยยะหรือตรงไปตรงมาได้อย่างอิสระ โดยที่สาธารณชนผู้ดูสามารถนำสาระของผลงานศิลปะไปประยุกต์สู่กระบวนคิดต่างๆ ได้ 

ศิลปะแนววิพากษ์สะท้อนสังคมร่วมสมัยนี้ มีรูปแบบศิลปะที่คล้ายกับหลากหลายแนวทางการสร้างสรรค์ในแบบศิลปะสมัยใหม่ในตะวันตก เช่น Realism, Post Impressionism, Expressionism, Pop Art, Performance Art, Conceptual เป็นต้น

 


ศิลปะสื่อผสมและอินสตอลเลชั่น

ศิลปะสื่อผสมและอินสตอลเลชั่นในบริบทของสภาวะสมัยใหม่ในงานทัศนศิลป์ไทย หมายถึง ผลงานทัศนศิลป์ที่สร้างขึ้นโดยด้วยกระบวนวิธีและมีการแสดงออกทางศิลปะแบบ Mixed Media ที่มีการเน้นไปที่การจัดการของวัตถุที่แปรสภาพมาเป็นสื่อ 2 ชนิดเป็นต้นไป มาประกอบสร้างขึ้นจนเกิดเป็ผลงานขึ้น และ Installation Art ที่เป็นผลงานศิลปะที่จัดการภายใต้บริบทของพื้นที่ทางศิลปะในรูปแบบที่หลากหลาย

ศิลปะสื่อผสมและอินสตอลเลชั่นในงานทัศนศิลป์ไทยมีแนวทางการจัดการเพื่อให้เกิดความเป็นศิลปะคล้ายกับงาน Mixed Media และ Installation Art มาก ทั้งนี้เพราะแนวทางศิลปะทั้งสองแนวทางนั้นเป็นความเคลื่อนไหวในวงการศิลปะสากลนับตั้งแต่คริสต์ทศวรรษที่ 1980s จวบจนถึงปัจจุบัน อันถือเป็นแนวทางการสร้างสรรค์ศิลปะร่วมสมัยที่โดดเด่นมากในระดับนานาชาติ

สำหรับในด้านของศิลปินไทยที่สร้างสรรค์ผลงานในแนวทางศิลปะสื่อผสมและอินสตอลเลชั่นนั้น มีรูปแบบการแสดงออกที่หลากหลายมาก ศิลปินนำเอาบริบทของความเป้นไทยในด้านต่างๆ อาทิ วัฒนธรรม การเมือง สังคม ศาสนา เป็นต้น มาเป็นแรงบันดาลใจหรือเป็นแนวคิดเพื่อนำไปสู่การแสดงออกทางศิลปะในรูปแบบดังกล่าว ซึ่งไม่เพียงแต่ศิลปินไทยเองที่ได้ทดลองแนวทางการแสดงออกในเชิงสุนทียะเท่านั้น หากแต่สาธารณชนในฐานะผู้ดูงานศิลปะเองก็ได้สัมผัสผลงานศิลปะในรูปแบบที่แตกต่างจากเดิมอีกด้วย

 


ศิลปะสื่อใหม่

ศิลปะสื่อใหม่ในบริบทของสภาวะสมัยใหม่ในงานทัศนศิลป์ไทย หมายถึง ผลงานทัศนศิลป์ที่สร้างขึ้นโดยด้วยกระบวนวิธีและนำเสนอผลงานศิลปะที่หลากหลาย ซึ่งในที่นี้อาจจะไม่ได้จำกัดอยู่ในบริบทของงานศิลปะแบบ New Media Art แบบตะวันตกเท่านั้น หากแต่รวมไปถึงการสร้างสรรค์งานศิลปะที่หลากหลายมากกว่านั้น อาจจะนับไปถึงงานศิลปะแบบ conceptual Art ด้วย

เพราะฉะนั้นผลงานในแบบศิลปะสื่อใหม่ในที่นี้จึงถือว่าไม่มีรูปแบบการแสดงออกทางศิลปะที่ตายตัว ศิลปินมีอิสรภาพในการนำเสนออย่างที่สุด ศิลปินมีวัตถุประสงค์สำคัญในการมุ่งเน้นไปที่กระบวนคิดรวบยอดเพื่อนนำไปสร้างสรรค์ศิลปะ ลักษณะของผลงานศิลปะที่ปรากฏจึงมีความแตกต่างหลากหลายคละเคล้ากันไปตามการแสดงออกเชิงบุคคลของศิลปิน และศิลปินเองก็มีกลวิธีการนำเสนอที่อาจจะทำให้ผู้ดูเองเกิดความฉงนสงสัย อาจนำไปสู่การตั้งคำถามในประเด็นต่างๆ ในสังคมหรือวงการศิลปะ 

ศิลปะในแนวทางดังกล่าวนี้เป็นการหลอมรวมสื่อและวัสดุและแนวคิดต่างๆ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายของการสื่อสารความหมายต่อสาธารณชนในรูปแบบที่แปลกกว่างานจิตรกรรมหรือประติมากรรมแบบที่รู้จักกันแบบเดิมๆ ซึ่งผลงานที่ปรากฏมีลักษณะโดยรวมที่คล้ายกับงานศิลปะแบบ Combine, Mixed  Media, Land Art & Environmental Art, Installation Art, Video Art, New Media Art และ Conceptual Art เป็นต้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เรื่องของงานศิลปะถือว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากปัจจัยในหลายๆ ด้านของคนในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมมีความแตกต่างกันอยู่แล้ว คงเป็นไปไม่ได้กับการที่ต่างวัฒนธรรม ต่างประเพณี ต่างความคิดจะสามารถสร้างงานศิลปะที่มีความเหมือนกันได้ ศิลปะไทยก็เช่นเดียวกันด้วยจากเรื่องของชีวิตความเป็นอยู่ แนวความคิด การดำเนินชีวิต มันก็ได้สร้างงานศิลปะที่เป็นสไตล์คนไทยขึ้นมา และแน่นอนว่ามันย่อมแตกต่างกับศิลปะต่างประเทศอย่างไม่ต้องสงสัย

ศิลปะไทย

การสร้างสรรค์งานศิลปะของคนไทยนั้นส่วนใหญ่ต้องการตอบสนองความต้องการที่เกิดขึ้นกับสังคม มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองค่อนข้างสูง ซึ่ผลงานศิลปะของไทยหลักๆ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ วิจิตรศิลป์ ซึ่งเป็นงานศิลปะแบบแท้ๆ เป็นผลงานในลักษณะของจิตกรรม ประติมากรรม รวมไปถึงสถาปัตยกรรมต่างๆ อีกประเภทคือ ประยุกต์ศิลป์ เป็นศิลปะที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ รวมไปถึงแฟชั่นที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้ ซึ่งแน่นอนว่าแนวความคิดในการสร้างสรรค์งานศิลปะของไทยนั้นถูกแบ่งออกเป็นไปในลักษณะต่างๆ ตามสิ่งที่คนไทยรู้สึกคุ้นชินกันมา เป็นแนวทางศิลปะที่ค่อนข้างมีความเป็นตัวเองสูง ส่วนมากมักจะมีกลิ่นอายของวัฒนธรรม ประเพณี แบบไทยๆ โดยอาศัยหลักประวัติศาสตร์หลายๆ ด้านเข้ามาเกี่ยวข้อง ไล่มาตั้งแต่ยุคกรุงสุโขทัย, กรุงศรีอยุธยา, กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์

 

 

 

 

 

 

 

ศิลปะต่างประเทศ

งานศิลปะของต่างประเทศนั้นก็มีจะมีลักษณะและแนวความคิดที่เกิดขึ้นจากภูมิภาคของตัวเองเป็นหลัก โดยการแบ่งแนวศิลปะก็สามารถแบ่งออกได้หลายยุคหลายสมัยขึ้นอยู่กับการนับสมัยของแต่ละภูมิภาค สามารถที่จะเกิดการแพร่หลายไปในประเทศตัวเองหรือต่างประเทศได้ด้วย หลายๆ ประเทศเลือกใช้งานศิลปะแบบสากลซึ่งก็หมายถึงว่าเป็นงานศิลปะที่มาจากฝั่งยุโรปไม่ก็สหรัฐฯ ขณะที่บางประเภทที่มีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ก็จะเลือกใช้วัฒนธรรมของตัวเองในการสร้างสรรค์งานศิลปะ ซึ่งประวัติของงานศิลปะเหล่านี้ก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศว่าจะเรียกให้อยู่ในช่วงเวลาใดของประเทศนั้นๆ ซึ่งก็จะมีงานศิลปะที่โด่งดังอย่างที่หลายคนรู้จักกันดี เช่น ภาพวาดโมนาลิซ่า เป็นต้น ซึ่งงานเหล่านี้ก็เกิดจากแนวคิดของศิลปินคนนั้นๆ ด้วย

เอาในความเป็นจริงก็คือหากมองจาภายนอกงานศิลปะไทยกับงานศิลปะต่างประเทศนั้นอาจจะมีความแตกต่างกันในด้านของลักษณะ การสื่อสาร ความหมาย แนวความคิด แต่สิ่งเหล่านี้มันได้สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เหมือนกันหลายๆ ด้านก็คือ ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะประเภทใดก็ต้องเกิดจากสภาพแวดล้อมในส่วนนั้นๆ ประกอบกันด้วย เพราะงานศิลปะก็คือการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปินไม่ว่าจะไทยหรือต่างประเทศก็คืองานศิลปะเหมือนๆ กัน มีความสวยงามเหมือนกัน

BB.png
BBB.png
AAA.png
AA.png
AAAA.png

ยินดีต้อนรับสู่ห้องเรียนออนไลน์

Welcome To Learn Art Online By KruNUENG

  • Grey Facebook Icon
  • Grey YouTube Icon
  • Grey Instagram Icon

CRPAO SCHOOL

bottom of page