top of page

วิวัฒนาการประวัติศาสตร์ศิลป์สากล

ศิลปะสากล

 

ศิลปะสมัยกลาง

ศาสนาคริสต์มีทบบาทสำคัญในการสร้างงานศิลปะสมัยกลาง กล่าวคือ เมื่อจักรวรรดิโรมันสิ้นสุดลงในช่วงศตวรรษที่ 5-11 ยุโรปก็เข้าสู่ยุคมืด วิถีชีวิตของคนในสมัยนั้น ไม่มีความสงบสุขไม่มีความมั่นคง เกิดสงครรามระหว่างแคว้นต่างๆ รวมถึงการเกิดโรคระบาดและทุพภิกขภัยอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้คนยึดมั่นและศรัทธาในคริสต์ศาสนา

 

 

                 ๑.ผลงานสร้างสรรค์ทางศิลปะสมัยกลางแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ.ศิลปะโรมาเนสก์(Romanesque Arts) ปรากฏขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11-12 เป็นศิลปะผสมผสานระหว่างเทคนิคศิลปกรรมแบบโรมันกับศิลปะของอารยชนเผ่าเยอรมัน พบได้ทั่วไปในยุโรปตะวันตกแต่พบมากที่สุดในประเทศฝรั่งเศส ลักษณะเด่นของศิลปะโรมาเนสก์ คือ

ด้านสถาปัตยกรรม มีรูปทรงเรียบง่าย หลังคาเป็นซุ้มโค้ง ผนังหนา หน้าต่างน้อย ภายในทึบ ส่วนใหญ่เป็นผลงานการสร้างวิหารเพื่อเป็นศูนย์กลางของวัด

ด้านประติมากรรม เป็นงานแกะสลักลวดลายต่างๆแบบง่าย

                               แบบโบราณของชนเผ่าเยอรมัน เช่น งานแกะสลักหัวเสาแผ่น

                               โค้งเหนือประตูหน้าต่าง รูปเคารพต่างๆ

 

ด้านจิตกรรม มีทั้งงานเขียนแบบเฟรสโกและแบบธรรมดา

 

๒.ศิลปะกอทิก(gothic Arts)มีวิวัฒนาการจากศิลปะแบบโรมาเนสก์จนมีรูปแบบเฉพาะและถือเป็นเป็นลักษณะเด่นของยุคสมัยกลาง

 

 ด้านสถาปัตยกรรม มีลักษณะโปร่งและเบา ประตูมีลักษณะโค้งแหลมบรรยากาศภายในสว่างไสวมีแสงส่องผ่อนกระจกสีซึ่งติดกับบานหน้าต่างขนาดใหญ่ สถาปัตยกรรมที่งดงามเช่น วิหารโนเทรอดาม(Notre Dame)ประเทศฝรั่งเศส วิหารออร์เวียตโต(Orvieto)ประเทศอิตาลี วิหารลินคอล์น(Lincoln)ประเทศอังกฤษ

 

 

ด้านประติมากรรม เป็นงานแกะสลักหินเหนือขอบประตูใหญ่หรือรายรอบวิหารมีความอ่อนซ้อยกว่าสมัยโรมาเนสก์และให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ

 

ด้านจิตรกรรม ส่วนใหญ่เป็นงานประดับกระจกสี

 

ศิลปะสมัยฟื้นฟู

              ศิลปะสมัยฟื้นฟู(Renaissance)เกิดขึ้นในตอนปลายของยุคกลาง ตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15-17 เมื่อชาวยุโรปเริ่มค้นพบตนเองและรอบๆตัว เกิดเป็นกระบวนการมนุษย์นิยม คือการค้นหาความจริงเกี่ยวกับตัวมนุษย์ และสิ่งรอบตัวที่อยู่นอกเหนือสาระสำคัญทางศาสนา ซึ่งเน้นรูปแบบเนื้อหาและวิธีการมากกว่าความคิดหรืออารมณ์ประกอบกับการพัฒนาให้มีความแตกต่างไปจากเดิม กล่าวคือ

 

 ด้านสถาปัตยกรรม มักใช้หินอ่อนเป็นวัสดุในการก่อสร่าง มีการทำซุ้มโค้ง หรือโดม รูปทรงครึ่งวงกลม สถาปัตยกรรมที่มีชื่อ เช่น วิหารเซนต์ปีเตอร์สันักวาติกัน เป็นต้น

ด้านประติมากรรม เป็นการกสลักรูปคนโดยใช้วัสดุเป็นหินอ่อน เน้นสัดส่วนของสรีระมนุษย์อย่างชัดเจนตามแบบกรีก-โรมัน เช่น รูปสลักเดวิด(David)โดยมีเกลันเจโลบูโอนาร์โรตี(Michelangelo Buonarroti)

           ด้านจิตกรรม การวาดภาพจะมีลักษณะเหมือนจริง มีความตื้นลึกของแสงเงา เช่น ภาพโมนาลิซา(Monalisa)โดย เลโอนาร์โด ดา วินซี(Loenardo da Vinci)

๑.ศิลปะบารอก(Baroque)เกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่๑๗มีลักษณะคือ มุ่งแสดงความเคลื่อนไหวความดิ้นรน ความเป็นธรรมชาติ มีลักษณะประณีตบรรจงจนเกินไปเน้นเรื่องการใช้สีและพื้นผิวของสิ่งต่างๆ 

ศิลปกรรมที่สำคัญ คือ

ด้านจิตกรรม จิตกรที่มีชื่อเสียงโดดเด่น คือ เอลเกรโก(EI Greco) เป็นจิตกรชาวกรีกที่อาศัยอยู่ในประเทศสเปน ผลงานที่สร้างชื่อเสียงคือ ภาพวาดเหมือนตัวจริงของพระคาร์ดินัล “เฟอร์นันโด นิโนเดอ กูเอวารา (Fernando Nino de Guevara)” และภาพ การฝังศพท่านเคานท์ออร์กัช

 ด้านประติมากรรม มีลักษณะคล้ายกับงานจิตกกรม คือ ให้รายละเอียดสัดส่วนต่างๆเหมือนจริง มีการจัดวางสัดส่วนต่างๆ ส่วนตัวงานจะเลียนแบบเหมือนธรรมชาติ ผลงานประติมากรรมโดดเด่นและมีชื่อเสียง ได้แก่ความปลื้มปิติขอลนักบุญเซนต์เทเรชา ใช้วัสดุหินอ่อนขนาดเท่าคนจริง ฝีมอของประติมากร โจวันนีลอร์เรนโซเบน์นีนี (Giovanni Lorrenzo Bernini) ชาวอิตาลี 

ด้านสถาปัตยกรรม ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมของกรีก-โรมัน ไบแซนไทน์และโรมาเนสก์เข้าด้วยกันจนกลายเป็นลักษณะเฉพาะและสง่างาม 

 

๒.ศิลปะโรโกโก (Rococo Art)มีลักษณะเด่น คือ นิยมเล่นลวดลายอ่อนช้อย หรูหรา สวยงาม ของธรรมชาติ และนำมาดัดแปลงสำหรับตกแต่งภายในตัวอาคาร

 

ศิลปกรรมที่สำคัญ คือ 

 

ด้านจิตรกรรม จิตรกรฝิมือเยี่ยม คือ ชอง-อองตวน วาโต (jean-Antoine Watteau) มีแนวเขียนภาพสะท้อนให้เห็นความโก้หรูและดำเนินชีวิตที่หรูหรา

ด้านประติมากรรม มีรูปทรงลักษณะคงที่เหมือนธรรมชาติ โดยเพิ่มเส้นโค้งและใส่รายละเอียดตามส่วนประกอบภาพและมีความสะโอดสะองสัดส่วนของรูปคน

ด้านสถาปัตยกรรม มีความหรูหราและสง่างาม ตกแต่งทั้งภายนอกและภายในอย่าฃพิถีพิถัน โครงสร้างภายนอกมีหลายรูปแบบ โดยให้ความรู้สึกผสมผสานกัน สถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงในสมัยนี้ คือ พระราชวังเปอดิต ตริอานอง ที่เมืองแวร์ซายส์

 

ศิลปะสมัยใหม่

ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙-๒๐ เมื่อสังคมชั้นกลางทางตะวันตก มีการสร้างระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ คือ ระบบทุนนิยมอุตสาหกรรม  นอกจากนี้ยังจัดตั้งระบบสังคมนิยม เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของผู้ใช่แรงงาน และเพื่อความสะดวกในการดำเนินชีวิต ทำให้เกิดแนวคิดที่ว่า วิทยาศาสตร์จะช่วยให้มนุษยชาติเจริญก้าวหน้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แนวคิดดังกล่าวเรียนว่า ปฏิฐานนิยม

๑ แนวจินตนิยมหรือโรแมนติก ยกย่องเชิดชูเสรีภาพและอารมณ์ความรู้สึกของปัจเจกบุคคล ผลงานด้านจิตรกรรมแบบโรแมนติดจะแสดงอารมณ์ของจิตรกรอย่างเต็มที่ ส่วนผลงานด้านประติมากรรมที่มีชื่อเสียง ได้ แก่  ประตูชัยในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

๒ แนวสัจนิยมหรือเรียลลิสซึม  มุ่งเน้นการถ่ายทอดความเป็นจริงในสังคม ผู้สร้างสรรค์งานจะไม่สอดแทรกอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวเข้าไป ในผลงาน จิตรกรที่มีชื่อเสียง เช่น โอโนเร โดมีเย 

ยินดีต้อนรับสู่ห้องเรียนออนไลน์

Welcome To Learn Art Online By KruNUENG

  • Grey Facebook Icon
  • Grey YouTube Icon
  • Grey Instagram Icon

CRPAO SCHOOL

bottom of page